กลับมาแนะนำนักร้องกันอีกแล้ว เป็นนักร้องหญิงที่ชอบมาก พอ ๆ กับ Tove Lo เลย เพราะเธอมีเสียงใส ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ มีพัฒนาการและแนวเพลงที่เปลี่ยนไปตามวัยที่ค่อนข้างเห็นชัด เธอคนนี้ก็คือ Sabrina Carpenter นั่นเอง อ้อ ล่าสุดเธอก็ได้แสดงภาพยนตร์ออริจินัลเน็ตฟลิกซ์เรื่อง Tall Girl ด้วย น่ารักมาก ๆ ลองไปดูกันได้
Sabrina Carpenter Profile & Career
ซาบรีน่า คาร์เพนเตอร์ แจ้งเกิดจากการเป็นนักแสดงของช่อง Disney ในซีรี่ส์เรื่อง Girl Meets World เมื่อปี 2014 หลังจากนั้นเธอก็เดบิวต์ในฐานะนักร้องด้วย EP แรก Can’t Blame a Girl for Trying ในปีเดียวกัน ก่อนที่ในปี 2015 จะปล่อยอัลบั้มเต็มอัลบั้มออกมา ชื่อว่า Eyes Wide Open
แต่การแสดงครั้งแรกของซาบรีน่านั้นเกิดขึ้นตอนที่อายุได้ 10 ปี ตอนนั้นเธอชนะการออดิชั่น และได้เป็นนักแสดงรับเชิญในซีรี่ส์ชื่อดังของช่อง NBC เรื่อง Law & Order: Special Victims Unit ก่อนอีกสองปีต่อมาเธอจึงได้เป็นนักแสดงของช่องดิสนี่ย์ หลังจากนั้นเธอก็เซ็นสัญญากับ Hollywood Records แล้วก็ปล่อย Debut EP ออกมา
ในปี 2015 ที่เธอปล่อยอัลบั้มเต็ม Eyes Wide Open ออกมา ในนั้นก็เพลง We’ll Be the Stars ด้วย ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเสียงซาบรีน่ายังเล็ก และใสมาก ๆ เพราะน้องค่อนข้างเด็กนั่นล่ะ แต่ก็มีความต่างกับ Can’t Blame a Girl for Trying อยู่มากทีเดียว
ปีถัดมาเธอก็ปล่อยอัลบั้มที่สอง EVOLution ออกมา พร้อมกับประกาศทัวร์คอนเสิร์ตด้วย แล้วก็ sold-out ทุกรอบการแสดง ในปี 2017 เธอก็ได้ cover เพลง Sign of the Times ของ Harry Styles ร่วมกับยูทูบเบอร์ชื่อดัง Jasmine Thompson ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่ดีมาก
และในปีเดียวกันซาบรีน่าก็มีผลงานร่วมกันศิลปินคนอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้ง the Vamps และ Mike Perry ในเพลง Hands, Lost Kings ในเพลง First Love พร้อมกับออกเพลงของตัวเอง (Why) ด้วย และยังมีคอนเสิร์ต The De-Tour อีกต่างหาก เป็นปีที่ฮอตอีกปีก็ว่าได้ แต่ก็ไม่หยุดแค่นั้น ปี 2018 ซาบรีน่าได้ปล่อย collaboration กับ DJ ชาวอังกฤษ Jonas Blue ในเพลง Alien
นอกจากนี้ยังปล่อยอัลบั้มที่สาม Singular: Act I ที่มีเพลง Sue Me ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นเพลงที่ทำให้เรารู้จักกับซาบรีน่า จนต้องย้อนกลับไปฟังอัลบั้มเก่า ๆ แล้วก็ขอบอกเลยว่าเธอคนนี้พัฒนาขึ้นมาก ทั้งความแข็งแรงของการร้อง และสไตล์ของเพลง เพราะซาบรีน่าได้เติบโตขึ้น เพลงก็เลยมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นด้วย
แต่สิ่งที่ประทับใจเรามากที่สุดก็คือตอนร้องเสียงใส ๆ นี่แหละ ตลอดทั้งเพลงซาบรีน่าจะร้องเต็มเสียง แต่ก็จะมีบางพาร์ทที่ใช้เสียงอีกระดับ เราว่าเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจ และเปลี่ยนอารมณ์เพลงได้เลย
จนมาถึงในปีนี้ เธอก็ปล่อย Singular: Act II ออกมา มีเพลงจังหวะสนุก ๆ อย่าง In My Bed ที่ให้เราได้โยกตาม หรือจะเป็นเพลงที่บอกถึงความโตเป็นสาวแล้วอย่าง Pushing 20 ซึ่งเป็นเพลงที่เราชอบมาก ๆ อีกเพลง และเพลงที่ช่วยให้เธอได้ระบายความอัดอั้นอย่าง Exhale ก็โดนใจไม่ใช่น้อยสำหรับคนที่ต้องทำงานอย่างหนักตั้งแต่เด็ก ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่เธอรักก็ตาม สารภาพเลยว่าตอนฟังเพลงนี้เราแอบร้องไห้ด้วย
ผลงานล่าสุดของล่าสุดที่เราอยากจะนำเสนอก็คือ ภาพยนตร์เรื่อง Tall Girl ที่ Sabrina Carpenter ร่วมแสดงนั่นเอง ถึงจะไม่ได้เป็นตัวเอกแต่บทก็สำคัญอยู่นะ แล้วเธอก็แสดงได้ดีด้วย สามารถหาดูได้ใน Netflix เลย ตอนนี้ก็แอบภาวนา อยากให้สาวซาบรีน่ามาเปิดรอบคอนเสิร์ตที่ไทยบ้าง เป็นสเกลเล็ก ๆ ก็ได้ อยากให้ทุกคนได้รู้จักน้องมากขึ้น เพราะความสามารถล้นเหลือจริง ๆ
